ผมลงทุนซื้อบัตรแพง นั่งอยู่แถวที่เก้าจากข้างหน้า และขอสารภาพว่าผมพกพล้องส่องทางไกลอันเล็กๆ ไปด้วยครับ เอาไว้กันเหนียว เผื่อว่าโรงมันใหญ่จนมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด (จากประสบการณ์การซื้อบัตรราคาประหยัดในหลายๆ การแสดงที่ผ่านมาแล้วเห็นนักแสดงตัวเท่าหัวไม้ขีด) แต่ผิดคาดครับ แถวที่ผมนั่งนั้นเป็นชัยภูมิที่ดีทีเดียวเชียว ไม่ไกลแต่ก็ไม่ได้ใกล้มากจนมองไม่เห็นภาพรวม ผมสามารถเห็นหน้าตาของนักแสดงบนเวทีได้อย่างชัดเจนจนแทบจะนับสิวเขาได้เชียวล่ะ
บรรดาเหล่าแมวเมียวผู้มาชุมนุมในงาน Jellicle Ball
ละครเวทีเรื่อง Cats นี้ได้ใจผมมากเลยครับ ไม่ใช่เป็นเพราะผมเป็นคนรักแมว แต่เป็นเพราะเสน่ห์แห่งความเป็นบรอดเวย์บวกกับองค์ประกอบของเวทีที่มีซอกหลืบอยู่เต็มไปหมด นักแสดงสามารถปีนขึ้น ปีนลง มุดช่องนู้น ออกช่องนี้ กระโจนเข้าช่องนั้น ได้ทั้งเวที และการแต่งกายของนักแสดงไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ให้ความรู้สึกว่าพวกเขาคือ”แมว”ครับ แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการที่นักแสดงเดินออกมาตามทางเดินจากด้านหลังโรงละครในช่วงเปิดการแสดง และมีการเดินผ่านและเล่นกับคนดูเป็นระยะๆ ระหว่างดำเนินเรื่อง ซึ่งให้ความรู้สึก”เข้าถึงคนดู”เป็นอย่างมากครับ นอกจากนี้นักแสดงยังร้องเพลง Memory อันโด่งดัง เป็นภาษาไทยให้คนไทยประทับใจเล่นอีกหนึ่งช่วงด้วยครับ
Gizabell อดีตแมวผู้เลอโฉม ผู้ขับขานเพลง Memory
ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละครับ ที่ทำให้ละครเวทีเรื่องนี้อยู่คู่บรอดเวย์มากว่ายี่สิบปี แล้วผมยังคิดต่ออีกครับว่าที่จริงแล้วคนไทยก็มีศักยภาพที่จะจัดการแสดงเช่นนี้ครับ เพียงแต่ต้องเปิดใจกว้าง กล้าลองสิ่งใหม่ๆ ไม่ต้องห่วงภาพพจน์และเลิกยึดติดกับความคิดเดิมๆ อาจจะมีบ้างที่จะต้องลงทุนมากขึ้นอีกสักหน่อย แต่ถ้าหากทำได้ ไม่ว่าจะเป็นละครเวที คอนเสิร์ต หรือการแสดงไหนๆ พี่ไทยเราสู้ต่างชาติได้แน่นอน
9 comments:
สวัสดีค่ะ น่าอิจฉาจัง จริงๆแล้วอยากดูเหมือนกันค่ะแต่ปัญหาค่อนข้างแยะนิดนึง ทั้งระยะทาง ทั้งภาระ (ที่เต็มใจทำ) ทั้งภาระกิจ อีกมากมาย น่าอิจฉาค่ะ น่าอิจฉามากกกกก..เอ..แล้ววันนี้เจ้าของ blog ไปทำงานที่ไหนน้อ...
สวัสดีครับคุณ anonymous ไม่ต้องอิจฉาหรอกครับ วันพระไม่ได้มีหนเดียว อีกสักหน่อยคงมีละครเวที หรือการแสดงดีๆ เข้ามาแสดงในบ้านเราอีกแน่นอนครับ
วันนี้ผมจะไปเผชิญความหนาวที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีครับ ได้ข่าวว่าลบห้า ผมต้องขนเสื้อกันหนาวอย่างหนาไปแปลงร่างเป็นหมีขั้วโลกอยู่ที่นู่น
ค่ะก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน วันพระไม่ได้มีหนเดียว เพียงแต่ถ้าเงื่อนไขทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม..ก็คงอดอีกเช่นกันค่ะ..เฮ้อ..
อยากเห็นสภาพหมีขั้วโลกจังค่ะ แต่ยังงัยก็ดูแลตัวเองนะคะ เชื่อว่าคงมีคนที่นี่ (ประเทศไทย) เป็นห่วงอยู่..เค้าว่า..ต้องให้เท้ากับคออุ่นอยู่เสมอค่ะ
กลับมาพร้อมขนมนะคะพี่ป๊อบบบบบบบบบ วู้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ไป sirocco มา ซัด เครื่องดื่มมมเปลี่ยนนิสัยมา
high อ่ะค่ะ
นู๋มู๋เอง
คุณหนูหมูคะ..เบื่อนิสัยตัวเองเหรอคะ ถึงต้องไป"ซัด" น้ำเปลี่ยนนิสัย อย่าบ่อยนะคะ พี่เป็นห่วงนะ
คุณ anonymous : ลองกำหนดเวลาให้ตัวเองว่าวันนี้จะทำอะไร แล้วที่เหลือมันจะลงตัวของมันเองครับ ไม่อย่างนั้นจะผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ
มันก็ไม่ถึงกับหมีขั้วโลกหรอกครับ มันก็ไม่หนาวขนาดหายใจเป็นก้อนน้ำแข็ง ผมว่านอกจากเท้า มันต้องเพิ่ม มือ จมูก หู และ ศีรษะเพิ่มด้วยครับ ไม่งั้นหลุดจากร่างแน่ๆ
--------------------
คุณหนูหมู : ขอความกรุณาอย่ามาทำตัวรั่วเรี่ยราดแถวนี้ครับ กรุณา และเสียใจด้วยนะครับ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมาเท่าไหร่ ไปเดินให้เมื่อยขาอย่างเดียว
--------------------
คุณหนูหมู ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยหรอก เพียงแค่ไปอัพเกรดนิสัย เพิ่มดีกรี (ความเพี้ยน) ขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้นเอง
ไหนๆก็ไหนๆ เล่าเรื่องย่อให้ฟังก็ดีนะจ๊ะ สำหรับคน unfortunate อย่างเรา
คุณ anonymous : ไม่ลงทุนซื้อบัตรแล้วยังจะให้เล่าเรื่องย่อด้วยเหรอครับเนี่ย
เป็นเรื่องเล่าน่าสนใจมากเลยค่ะ ทำให้อยากดูบ้างนะเนี่ย
Post a Comment