Wednesday, November 21, 2007

เขตหวงห้าม

เมื่อวานนี้ผมได้รับมอบหมายจากคุณแม่ของผมให้เป็นตัวแทนคุณแม่ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ฟังดูไม่ยากเย็นอะไร แต่เมื่อวานนี้เป็นวันที่ผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะเสพบ้านน่ะสิครับ เลยรู้สึกว่าผิดแผน แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ด้วยความเป็นบุตรที่ดี มีหรือที่จะปฏิเสธ (แต่บ่นไปหลายยก)

การเดินทางของผมครั้งนี้ผมอาศัยความสะดวกสบายของบริการรถสาธารณะครับ เพราะผมจะเป็นหนึ่งในผู้ช่วยลดมลภาวะโลกร้อน ฟังดูดีมั้ยครับ แต่ที่จริงแล้วมันเป็นเหตุผลรอง เพราะเหตุผลหลักจริงๆ คือผมขี้เกียจขับรถ ขี้เกียจไปหาที่จอดรถ และไม่อยากจะเติมน้ำมันรถที่ใกล้หมดเต็มที สรุปรวบยอดแล้วก็คือขี้เกียจนั่นเอง แต่อยากสร้างเหตุผลที่ดูดีด้วยการขมวดเหตุผลทุกอย่างกลับไปสู่ประเด็นโลกร้อนยอดฮิต

นอกเหนือจากต้องไปเป็นตัวแทนไปเยี่ยมผู้ป่วยแล้ว คุณแม่ของผมมีคำขอร้องพิเศษครับ คือให้ซื้อซุปไก่สกัดไปเยี่ยม และต้องเป็นกระเช้าเท่านั้น เอาล่ะสิครับ ทำไมต้องทำให้มันยากด้วยครับคุณแม่?!?

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลจุฬาฯ ผมก็ศึกษาแผนที่โรงพยาบาลเพื่อจะได้ทราบว่าตึกที่ผมควรไปตั้งอยู่ส่วนไหน และเมื่อทราบแล้ว ผมก็ไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยังที่หมายทันที และระหว่างทางผมก็ได้กวาดสายตาหาร้านค้าที่จำหน่ายกระเช้าเยี่ยมผู้ป่วย


ความรู้สึกของการเดินในโรงพยาบาลจุฬาฯของผมครั้งนี้ บอกตรงๆ ครับ ว่าเหมือนเดินในโบราณสถานที่หนึ่ง เพราะตึกแต่ละตึกนั้นเก่าเหลือเกิน ลำพังตึกเก่านี่ยังพอมองผ่านได้บ้างครับ แต่ป้ายของแต่ละตึกนี่สิครับ มันเก่าจริงๆ

ระหว่างที่เดินไปพลาง มองหาร้านค้าไปพลาง ผมก็คุยโทรศัพท์ไปด้วยเพื่อเป็นการแก้เขินในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย และทันใดนั้น ผมก็เห็นทางเข้าไปในร้านค้าเล็กๆ ผมเลยมีความหวังว่าต้องมีกระเช้าขายเป็นแน่ แต่เขาทำให้ผมผิดหวังครับ เพราะมีแต่ขนม เครื่องดื่มและผลไม้ ผิดจากสเปคที่คุณแม่ผมสั่งไว้ และผมก็รู้สึกว่าในขณะที่ผมก้าวเข้าไปในนั้น คนแถวนั้นต่างจับตามองมาที่ผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรครับ ยังสนทนากับเพื่อนทางโทรศัพท์ต่อไป


ผมเดินไปจนถึงที่หมาย แต่ไร้ซึ่งกระเช้าเยี่ยมผู้ป่วย ซึ่งครั้นจะไปเยี่ยมตัวเปล่าๆ เลย ก็รู้สึกผิด ก็เลยเดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ ถามคนที่นั่นไปเรื่อยๆ ว่ามีที่ไหนขายกระเช้าบ้าง แต่เมื่อไปตามทางที่เขาบอกก็ปรากฏว่าไม่มีครับ เหมือนโดนกลั่นแกล้ง แต่ในที่สุด ด้วยความพยายามที่มีเข้ามาเป็นระยะๆ ผมก็สอบถามจนได้มาซึ่งกระเช้า ก็ไม่เชิงกระเช้าเสียทีเดียว แต่เป็นกิฟท์เซ็ทซุปไก่สกัด ที่หน้าตาพอใช้

เมื่อภาระกิจกระเช้าของผมเสร็จสิ้น ผมก็สะสางภาระกิจที่เหลือซึ่งก็คือไปเยี่ยมผู้ป่วย ระหว่างทางที่ผมเดินไปผมเดินผ่านร้านค้านั้นที่ผมกล่าวมาแล้วเป็นรอบที่สอง แต่คราวนี้ผมเห็นอะไรมากกว่าแค่ทางเข้าครับ เขามีป้ายติดไว้ข้างประตูซึ่งเขียนว่า “เขตหอพักพยาบาล ห้ามบุคคลภายนอกเข้า” เท่านั้นแหละครับ ผมก็เลยถึงบางอ้อทราบได้ทันทีว่าเหตุที่คนแถวนั้นเขามองผมนั้นก็เป็นเพราะผมเข้าไปในสถานที่ที่ผมไม่ควรเข้าไปนี่เอง


เหตุการณ์ครั้งนี้สอนผมว่าอย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ แม้ว่ามันจะเก่าสักแค่ไหน ซึ่งในที่นี้ก็คือป้ายห้ามเข้าอันเก่าแก่ที่เขาแขวนไว้หน้าประตูนั่นเอง และนอกจากนี้ยังสอนให้ผมเป็นคนช่างสังเกตในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมากขึ้นครับ

13 comments:

Anonymous said...

ภารกิจ คุณแม่ข้อร้อง...หนูก็เคยเดินผิดไปห้องดับจิตค่ะ.....ได้ความรู้สึกซู่ซ่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนค่ะ

Anonymous said...

หวัดดีค่ะ แอบเข้ามาอ่านอีกแล้ว สบายดีนะคะ

Anonymous said...

คุณพี่ ป๊อบคะ คือหนูหมูมีเรื่องสงสัยค่ะ
เรื่องที่ 1> โรงพยาบาล จุฬา มีกี่ตึกคะ
2> โรงพยาบาล จุฬา กับ ศิริราช เลือกประกันสังคมที่ไหนดีคะ (ยังไงหนูหมูก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว)
3> โรงพยาบาลรัฐเค้ารับทำนมไม๊คะ
4> โรงพยาลาลรัฐ หมอหล่อไม๊คะ

หวังว่าลงเครื่องมาคราวนี้คุณพี่ป๊อบจะได้รับความบันเทิงจาก CATS เพื่อเป็นการแก้เมาเครื่องนะคะ

หนูหมูเอง

Susama said...

คุณ anonymous: ยินดีต้อนรับเสมอครับ

--------------------

คุณหนูหมูครับ ผมว่าถ้าหากไม่ได้มีธุระหรือเหตุจำเป็นอะไรเกี่ยวกับกับทั้งโรงพยาบาลจุฬาฯและศิริราชพยาบาลก็อย่าไปทราบเรื่องจำนวนตึก สิทธิ์ประกันสังคม ศัลกรรมความงามและรูปลักษณ์ของบุคลากรเขาเลยครับ

และผมก็หวังเหมือนกันครับว่าจะได้รับความบันเทิงสมราคาค่าบัตร ครั้งนี้ผมเตรียมกล้องส่องม้าไปนั่งนับสิวนักแสดงเพื่อฝึกการสังเกตด้วยครับ

Anonymous said...

ผมขอตอบคำถามคุณ หนูหมู ครับ

ว่า

รพ.รัฐ หมอหล่อ ครับ ( เป็นคำตอบสุดท้าย )

ยิ่งจังหวัดพัทลุง นี่ขึ้นชื่อมากครับ

Anonymous said...

คุณเจ้าของ blog: ขอบคุณนะคะสำหรับ "ยินดีต้อนรับ" จะแวะมาดูเรื่อยๆค่ะ วันนี้ก็กะว่าจะมาดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมมั้ย (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหม่ๆ หรือการตอบข้อคิดเห็น) อย่าห่างไปนานนักนะคะ รออ่านอยู่ อ้อ..วันนี้เลยทราบว่าเจ้าของ blog ชื่อคุณป๊อบ..ยินดีที่รู้จักนะคะ

เด็กผู้ชายที่กลัวแดด: "รพ.รัฐ หมอหล่อ ครับ ( เป็นคำตอบสุดท้าย ) ยิ่งจังหวัดพัทลุง นี่ขึ้นชื่อมากครับ" จิงอ่ะ ไม่เคยรู้ว่าก่อนเลยนะเนีย อยู่ใกล้แค่นี้เองวันหลังผ่านไปขออนุญาตพบหน่อยนะคะ เพื่อการยืนยันค่ะ

คุณป๊อบ+คุณบาส: ถ้าได้มาเที่ยวทะเลตรัง นอกจากจะแวะทักคุณหมอ (ผู้ชาย..ที่กลัวแดด)แล้ว ช่วยเลยมานิ๊ดนึงมาทักกันบ้างนะคะ

Anonymous said...

คุน อาโนนีมัส อยู่ตรังหรือคะ ดีจังอยากไป
เจ้าของ blog คุณป๊อบแกก็เป็นหนุ่มใต้นะคะ ถ้าได้เป็นหมอความหล่อคงเลื่องลือกว่า หมอพัทลุงน่ะค่ะคงขึ้นหลาบชื่อเลยค่ะ

คุณหมอผู้ลือชื่อ ไอ้คนที่ชื่อหนูหมูเนี๊ยพอจะนึกหน้าคุณหมอออกอยู่นะคะ

Anonymous said...

เขียนผิดค่ะ "ขึ้นหลายชื่อ"

Susama said...

คุณหมอกลัวแดด : ผมว่าหล่อไม่หล่อ ให้คนไข้กับพยาบาลมาตัดสินดีมั้ย

--------------------

คุณ anonymous : ถ้าผมได้ไปเที่ยวทะเลตรัง พร้อมๆ กับกินหมูย่าง และเค้กสามรส เมื่อไหร่ ผมจะแวะไปเยี่ยมนะครับ

--------------------

คุณหนูหมู : ลองไปหาโปรแกรมตรวจสอบคำมาใช้เล่นๆ ไม่ก็ลองพิมพ์ใส่ MS Word แล้วกด F7 เมื่อพิมพ์เสร็จดูสิครับ เผื่อว่าเวลาทำ"หนังสั่น"แล้วคนอ่านบทจะได้ไม่งง

Anonymous said...

คุณหนูหมูค่ะ อันนี้ไม่แน่ใจค่ะว่าคุณหมอโรงพยาบาลรัฐหล่อมั้ย แต่คาดว่าที่พัทลุงนี่คงเป็นข่าวลือนะคะ

ปล.คือปกติก็เป็นคนซุ่มซ่าม และปำเป๋อเหมือนเจ้าของ blog ค่ะ เรื่องนี่คือเรื่องปกติม้ากค่ะสำหรับเด็กผู้หญิงคนนี้

Susama said...

คุณเด็กผู้หญิงผู้รักแสงแดดครับ ผมว่าความป้ำๆ เป๋อๆ ของผมคงเทียบอะไรไม่ได้กับ "หมวกจากตุรกี" ที่หายไป จริงมั้ย??

Anonymous said...

จิงเจ้าค่ะ

Anonymous said...

เห็นด้วยอย่างแรงเรื่องควรระวังและสังเกตสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัว แต่ก็นะ sinage ประเทศไทยก็ใช่ย่อยอยู่ ง่ายๆเลยก็คือบิลบอร์ดที่เห็นมาแต่ไกล แต่ป้ายซอยเนี่ยแทบจะต้องจอดรถอ่าน สรุปว่า คนละครึ่งทางแล้วกัน