Wednesday, November 7, 2007

เมา

คงคุ้นกันดีนะครับสำหรับคำว่า “เมา” เพราะว่าไม่ว่าในวัยไหนนับตั้งแต่วัยรุ่นขึ้นไป มักจะมีการสังสรรค์ด้วยการดื่มเป็นธรรมดา แต่การเมาของผมในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นผลของแอลกอฮอล์ครับ แต่มันเกิดขึ้นจากการเดินทาง...ไม่ใช่ทางบก ไม่ใช่ทางน้ำ แต่เป็นทางอากาศครับ หรือพูดง่ายๆ ว่า “เมาเครื่องบิน” นั่นเอง

การเมาเครื่องบินก็ไม่ต่างไปจากอากาศเมารถหรือเมาเรือ เกิดขึ้นได้กับทุกคนอย่างไม่มีข้อยกเว้นซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล สาเหตุของการเมาเกิดจากความขัดแย้งระหว่างสิ่งที่รู้สึก (ความเคลื่อนไหวของยานพาหนะที่เรากำลังโดยสารอยู่) กับภาพที่เห็น (สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวภายนอกยานพาหนะ) ซึ่งมันคือการสับสนในตัวเองของแท้เลยแหละครับ และเวลาเกิดการเมาเครื่องบินขึ้น ผู้ที่รับรู้การเมาจะมีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ เหงื่อออกมาก หน้าซีด ปากซีด และถ้าหนักหน่อยก็จะถึงขั้นอาเจียร ฟังดูอาจจะไม่รุนแรง เพราะว่าอาการเหล่านี้แค่พักสักครู่มันก็จะหาย แต่...อาชีพอย่างผมที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเครื่องบินนี่สิครับ มันไม่ง่ายที่จะไปนั่งพักสักเท่าไหร่ เพราะไม่อย่างนั้นงานมันจะสะดุด

ฟังดูอาจจะไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ผมทำงานอยู่บนเครื่องบินสองประเภท คือแอร์บัส A330-300 หรือเรียกว่า A333 และแอร์บัส A300-600 หรือที่มีชื่อเล่นว่า B6 ซึ่งผมไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเมาเครื่องกับเครื่อง 330 เท่าไหร่ แต่เมื่อไหร่ที่ต้องบินกับเครื่อง B6 นี่สิครับ ความรู้สึกหวาดผวา และกระอักกระอ่วนต่ออาการเมาเครื่องบินจะวิ่งเข้ามาหาในทันใด ผมคาดว่าสาเหตุมันคงเกิดจากการที่อยู่ท้ายลำที่มีการสั่นสะเทือนพอตัว กับอากาศท้ายลำที่ไม่ค่อยจะถ่ายเทเท่าไหร่ อากาศทั้งหมดที่ผมกล่าวมาในข้างต้น ผมสัมผัสมาด้วยตัวเองทั้งสิ้น มันทรมานมากครับ ยิ่งเครื่องบินใกล้จะลงอาการยิ่งเป็นหนัก

ในช่วงแรกของการเมาเครื่องบิน ผมพยายามศึกษาหาต้นเหตุของอาการเมาเครื่องบิน ซึ่งผมค้นพบว่า การพักผ่อนไม่เพียงพอและการไม่รับประทานอาหารก่อนไปปฏิบัติงานเป็นสาเหตุหลักของการเมาเครื่องบิน และในบางครั้งเมื่อเกิดอาการผมก็จะหยิบมะนาวขึ้นมาหนึ่งแว่น หรือผลไม้เปรี้ยวๆ เช่นมะขาวขึ้นมาเคี้ยวและพกยาดมเพื่อบรรเทาอาการเมาเครื่อง



ดูเหมือนว่าปัญหาได้รับการแก้ไข แต่เรื่องมันไม่ได้จบเท่านั้นครับ เพราะยังไงซะ ผมก็ยังเมาเครื่องบินอยู่ดี จนในที่สุดผมต้องหันมาหาทางแก้ไขที่ผมไม่อยากทำ นั่งคือพึ่งยาแก้เมาเครื่องบินนามว่า Dramamine ครับ หนทางนี้ผมจะเลือกใช้ก็ต่อเมื่อเริ่มรู้สึกว่าถ้าผมอดทนต่อไปแล้วอาจจะไม่รอด มันได้ผลมากครับ แต่ผลข้างเคียงของยาตัวนี้คืออาการง่วงซึม ซึ่งถือเป็นความทรมานขั้นอ่อนๆ โดยเฉพาะเวลานั่งประจำที่แล้วหันหน้าเข้าหาผู้โดยสาร มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมแทบจะหลับโชว์ผู้โดยสารเพราะผลข้างเคียงของเจ้ายาตัวนี้



เห็นทีว่าการรับประทานยาที่มีผลข้างเคียงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ผมก็เลยไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตถึงวิธีการแก้และป้องกันการเมาเครื่องบินโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ซึ่งโลกแห่งข้อมูลก็เป็นใจให้คำแนะนำกับผมว่าการรับประทานขิงจะช่วยได้ ซึ่งเป็นสูตรที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อทราบถึงทางเลือกใหม่ ผมรู้สึกตื่นเต้นดีใจและเครียดเล็กน้อยครับ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่มีครั้งไหนในชีวิตที่ผมคิดจะรับประทานขิงเว้นแต่จะโดนบังคับ แต่เพื่อชีวิตที่ดีกว่าผมจำเป็นต้องยอมครับ ผมไปหาซื้อขิงสกัดอัดเม็ดตามร้านขายยาแต่ปรากฏว่ามันไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ผมจึงซื้อเครื่องดื่มขิงผงสำเร็จรูปมาแทน เวลาดื่มก็เติมน้ำตาลและกลั้นใจนิดหน่อย คิดเสียว่าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่ความหวังของผมก็พังทลายครับ เพราะว่าน้ำขิงแก่ของผมไม่ได้ช่วยให้ผมหายเมาเครื่องเลยแม้แต่น้อย แถมวันที่ผมดื่มน้ำขิงก็เป็นวันที่ผมเมาเครื่องหนักที่สุดด้วย จะโทษน้ำขิงก็ไม่ได้ เพราะผมไม่เชื่อว่าน้ำขิงเป็นต้นเหตุ ในเมื่อวิธีการป้องกันแบบธรรมชาติไม่ช่วย ผมจึงต้องกลับไปพึ่งยาเหมือนเดิมครับ แต่ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง เพื่อกันการง่วงนอน



มีอีกหนึ่งทางแก้ไขซึ่งผมยังไม่เคยได้ลองนั่นก็คือการใช้ยาหม่องทาบริเวณท้อง และปิดพลาสเตอร์ทับลงไป เพื่อนของผมบอกว่าได้ผล เพราะเขาลองมาแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะลองด้วยเหตุผลสองประการครับ คือ หนึ่ง...ผมคิดว่ามันมีผลแค่ทางใจ และ สอง...ผมขี้เกียจปลดกระดุมแล้วทายาหม่อง เพราะลำพังเมาเครื่องบินก็แย่พออยู่แล้ว อย่าให้ลำบากไปกว่านี้เลย


ไม่ว่าผมจะเมาเครื่องบินมาก หรือน้อย หรือไม่เมาเลย ผมก็ยังใช้ความอดทนเพื่อต่อสู้กับมันครับ เพราะผมเชื่อว่าความอดทนนี่แหละ ที่จะทำให้ผมเอาชนะอาการเมาเครื่องบินได้ เพียงแต่รอเวลาให้มันเป็นผลเท่านั้นเอง แต่ถ้าใครมีวิธีที่ดีจะแนะนำผมก็ไม่ว่ากันนะครับ..ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

8 comments:

Anonymous said...

แล้วความอดทนจะช่วยในเรื่องของการเมา alcohol ไม๊คะ

อยากถกประเด็น อาการเมาที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนค่ะ

Susama said...

อย่ากระนั้นเลย บล็อกนี้ขอสงวนสิทธิ์ในการพาดพิงถึงบุคคลที่สาม สี่ และ ห้า


และความอดทดจะเหมาะและจำเป็นมากสำหรับเพื่อนของคนที่เมาแอลกอฮอล์

Anonymous said...

Dramamine นี่เด็ดนะครับ ผมให้คนไข้ประจำเลย

ครับ

กินแล้ว หลับสบายทั้งหมอและคนไข้

Anonymous said...

เมารักทำไงคะ คุนพี่ศุษม (อย่ามาทำเป็นชื่อคล้ายกัน อย่ามาใช้ "ศ" เหมือนกันน)... ฮึ๊ยย

Anonymous said...

ยังไม่เคยเมาเครื่องเลยอ่ะ เคยแต่เมา...กร๊ากก
เวลาเครื่องตกหลุมอากาศหนุกดีนะฮร้า เหมือนเล่นสวนหนุกเยยล่ะตัว ฮิ้ววว~
แนะนำว่าไปเล่นสวนหนุกกะอิชั้นบ่อยๆ แระจะหายๆ
ps. คิดซะว่าเมาเครื่องมันไม่แฮ้ง แต่เมาเหล้าแม่งแฮ้งว่ะ!

Susama said...

คุณหมอกลัวแดด : ถ้าผมหลับแล้วผมจะทำงานยังไงล่ะคุณ

--------------------

คุณหนูหมู : เมารักก็แสดงว่าทำตัวเป็นลำยองน่ะสิ.."เป็นเพราะฉันไม่เมาเหล้าแต่เมาร้ากกก...เธอ"

--------------------
คุณเพื่อนสาว : เวลาตกหลุมอากาศแล้วเพลินดีครับ ดึ๋งๆ ดั๋งๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะอย่างที่ว่านั่นแหละครับ สวนสนุกนี่เท่าที่ผ่านมายังไม่มีอะไรที่ทำให้เมาได้ขนาดเป็นทุกข์เลยครับคุณ จำ Ejecting seat ที่เมืองทองได้มั้ย ขนาดดีด เหวี่ยง หมุน ปั่น ฯลฯ ขนาดนั้นผมยังไม่เป็นอะไรเล้ยยย

แต่จริงครับ เมาเครื่องพอลงจากเครื่องก็หาย แต่เมาเหล้าแล้วแฮ้งเนี่ยทรมานนน

Anonymous said...

ช่ายยยค่า เมาเหล้าแล้วคาย spagetti หรือว่า เมาเหล้าแล้วเป็น เกอิชา มันหน้ากลัวค่า

Susama said...

เอ่อ...อันนี้ไปถามเจ้าตัวเขาดีกว่ามั้ย แต่สำหรับผมแล้วสปาเก็ตตี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก