Wednesday, October 17, 2007

โรคระบาดทางวาจา

ท่านผู้อ่านรู้จัก “โรคห่า” มั้ยครับ คนสมัยก่อนเขาจะใช้คำนี้เรียกโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนคราวละมากๆ และคำว่า “ห่า” นี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ความหมายไว้ว่าเป็นชื่อผีจำพวกหนึ่ง ถือกันว่าทำให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้คนตายจำนวนมาก และด้วยเหตุนี้คนโบราณจึงเรียกโรคระบาดว่า “โรคห่า” ตามที่ผมกล่าวไว้ครับ แต่ทุกวันนี้ผมสังเกตว่า คำว่า “ห่า” เป็นคำที่ใช้ในประโยคในที่พูดกันในหมู่เพื่อนฝูงเพื่อแสดงอารมณ์ไม่พอใจ หรือรู้สึกในแง่ลบกันสิ่งที่พูด

ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้คำนี้เช่นกัน แต่เลือกใช้เฉพาะกับกลุ่มบุคคลเท่านั้นครับ ไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อ และวิธีการใช้คำว่า “ห่า” ของกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นเรียนผมกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว คือเมื่อใดก็ตามที่เพื่อนคนหนึ่งในวงสนทนาเอ่ยคำว่า “ห่า” คนอื่นๆ ก็จะพูดคำว่า “ห่า” ตามๆ กันเป็นเวฟเหมือน “โรคห่า” ระบาดไม่มีผิด แต่แทนที่จะมีพาหะนำโรคเป็นสิ่งมีชีวิต กลับเป็นคำพูดและความรู้สึกไม่อยากแตกแยกเข้ามาแทนที่ เพราะว่าใครไม่พูดถือว่า ช้า และ ไม่เข้าพวก

ผมไม่ได้แนะนำให้ท่านผู้อ่านทำตามนะครับ เพราะถือว่าคำนี้ไม่ใช่คำที่คนทุกคนอยากฟังหรือได้ยิน แค่เป็นเรื่องเล่าสนุกๆ ที่ปนสาระความรู้ของภาษาไทยนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ

6 comments:

lukbasketball said...

ห่า ห่า ห่า ห่า ห่า

เราว่าช่วงนี้พวกเรามีหลายคำเลยล่ะ

แย่ๆๆๆๆ

เพราะคุณเพื่อนนั้นแหละทำให้เราติด

แย่ๆๆๆๆๆ

ice said...

you seem to have a lot of humour
........
.....
...
.
also a plenty of time to write blog


^ ^

Anonymous said...

ห่า...................

สำหรับผมเป็นโรค

"เย็ดดดดดด " ครับ

ไม่ได้ลามกแต่อย่างใด

Susama said...

ไม่เลยคุณหมอ ไม่ได้ลามกแต่อย่างใด แต่คุณหมอหยาบโลน


ห่าาาาาาาา

Anonymous said...

ผมก็ติดหลายคำเลยครับโดยเฉพาะเวลาขับรถแย่จัง

Susama said...

ผมว่าเป็นกันหลายคนเลยแหละครับ

แต่ผมว่าล่อยๆ เขาไปบ้างก็น่าจะดีนะครับ จะได้ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ให้รกสมอง จะได้ขับรถได้อย่างสบายใจ