ผมได้ยินคนเขาพูดกันถึงหนังสือ อัจฉริยะสร้างได้ และ คุณหนูดี หรือ วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอัจฉริยภาพ ผมเลยเกิดความสงสัยใคร่รู้ถึงวิธีสร้างตนให้เป็นคนมีสติปัญญาบ้าง เลยไปหาซื้อหนังสือของคุณหนูดีมาอ่าน เชื่อมั้ยครับว่าหนังสือของคุณหนูดีขายดีขนาดที่ผมแวะไปร้านหนังสือไหน คำตอบที่ผมได้รับคือ “หมดแล้วครับ/ค่ะ” แต่ผมไม่ย่อท้อครับ เมื่อวันก่อน ผมไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์สิริกิตติ์ และหาซื้อหนังสือ อัจฉริยะสร้างได้ มาไว้ในครอบครองได้ตามความตั้งใจ ขอสารภาพครับว่ายังไม่ได้อ่าน เพราะช่วงนี้ซื้อหนังสือมาหลายเล่ม แต่เผอิญผมเคยได้รับ Forward mail ซึ่งก็เป็นเหตุบังเอิญอีกเช่นกันที่เป็นเรื่องที่ถอดในความมาจากบทความของคุณหนูดี ถึง 9 วิธีฝึกสมองไบรท์ ผมเลยนำมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านครับ เรามาดูกันดีกว่าว่า 9 วิธีที่ว่านี้มีอะไรกันบ้าง
1.จิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำถึง 85% และเซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง หากขาดน้ำเซลล์สมองเหล่านี้ก็เหี่ยวแห้งไม่ต่างจากต้นไม้ครับ เมื่อเซลล์สมองเหี่ยว ก็จะส่งผลให้การทำงานของสมองช้าลง กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก เพราะฉะนั้นในแต่ละวันควรดื่มน้ำบ่อยๆ ครับ
2. กินไขมันดี สมองก็คือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ ดังนั้นในแต่ละวันจึงควรรับประทานไขมันที่ดีจำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย นมถั่วเหลือง วิตามินรวม ปลาที่มีไขมันดีอย่างเช่นปลาแซลมอน หรือน้ำมันพริมโรสซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นไขมันที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำครับ ส่วนวิตามินจะให้ร่างกายสดชื่น
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า เป็นเวลา 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่สร้างความผ่อนคลาย ทำให้สมองสามารถจินตนาการการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ถ้าหากไม่มีเวลาในช่วงเช้า จะนั่งสมาธิก่อนนอนก็ได้ครับ
4. ใส่ความตั้งใจ การตั้งใจในสิ่งใดก็ตามก็เหมือนกับการตั้งโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ในระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ ครับ เพราะสมองไม่แยกแยะระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ ทุกครั้งที่เรายิ้มหรือหัวเราะนั้นร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดร์ฟีน หรือสารแห่งความสุข เมื่อสารเอ็นโดร์ฟีนหลั่งออกมาก็เป็นการกระตุ้นให้เรามีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นๆ ครับ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและปรียนรรู้วิธีการทำงานของเขา ฯลฯ และการเรียนรู้สิ่งใหม่นี้ ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดร์ฟีนและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็เท่ากับมีความคิดสร้างสรรค์
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง หรือให้อภัยผู้อื่นก็เท่ากับเป็นการลดภาระของสมองครับ
8. เขียนบันทึก การฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ (Graceful journal) ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่นขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ฯลฯ ทำให้สมองคิดในเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารที่ดีออกมา ช่วยให้หลับสบายตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย และมีความคิดสร้างสรรค์ครับ
9. ฝึกหายในลึกๆ สมองต้องใช้ออกซิเจน 20-25% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายในเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืน หรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถนำออกซิเจนเปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20%
เห็นมั้ยครับว่าเพียงแค่ 9 วิธีง่ายๆ ทำที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้ สามารถบริหารสมองหรือศูนย์สั่งการของร่างกายเราได้ และสมองของเราก็เหมือนกับทักษะทั่วไปที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาอยู่เสมอ เมื่อเรามีสมองที่ดี คุณภาพชีวิตของเราก็จะดีตามครับ อย่าลืมนำไปปฏิบัติกันนะครับ